ทำงานหนักไม่มีเวลา พร้อม 4 เคล็ดลับดูแลสุขภาพ
Cozxy

ทำงานหนักไม่มีเวลา พร้อม 4 เคล็ดลับดูแลสุขภาพ

โดย Cozxy
3 มิ.ย. 2019

ในยุคปัจจุบัน หรือที่เขาเรียกกันว่า ยุคไทยแลนด์ 4.0 เป็นยุคที่มีการแข่งขันกันสูง เป็นสังคมที่เต็มไปด้วยความเร่งรีบ ทำให้การดำเนิดชีวิตในแต่ละวันของหลายๆคนจำเป็นที่จะต้องทำงานหนัก เพื่อหาเงินสร้างฐานะของตัวเอง ในระยะเวลา 1ปี หลายๆคนอาจจะต้องทำงานหนัก ทำให้เวลาในใการพักผ่อนน้อยลง โดยเฉพาะกลุ่มคนทำงานออฟฟิศ เป็นอีกกลุ่มหนึ่งที่ทำงาน 8-12 ชั่วโมงต่อวัน หรือบางคนอาจมากกว่านั้น

ด้วยสภาพการทำงานที่ต้องเคร่งเครียดเร่งรีบ ทำให้พฤติกรรมการทำงานเปลี่ยนไป ต้องใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่กับหน้าจอคอมพิวเตอร์ รับประทานอาหารไม่ตรงเวลาและมีประโยชน์น้อย ชอบนอนดึก ทำงานหนักเพื่อให้งานเสร็จ นอนดึกตื่นเช้า ทำให้เวลานอนไม่เพียงพอ ส่งผลให้สุขภาพเสื่อมโทรม ทำให้ร่างกายสะสมความเครียดปราศจากการผ่อนคลาย ส่งผลให้ร่างกายเจ็บป่วย และเสี่ยงต่อโรคต่างๆตามมา หรือที่เราเรียกกันว่า โรคออฟฟิศซินโดรม (Office Syndrome) นั้นเอง


เงิน เป็นหนึ่งในปัจจัย 4 ที่สำคัญก็จริง แต่ก็ไม่สำคัญไปกว่าการมีสุขภาพที่ดี หันมาดูแลสุขภาพร่างกายของตัวคุณเอง ด้วยการสร้างบาลานซ์ระหว่าง งาน กับ สุขภาพ เพื่อกลับไปทำงานได้อย่างเต็มที่ และมีประสิทธิภาพ

วันนี้ คอซซี่  มี 4 เคล็ดลับดูแลสุขภาพง่ายๆ มาแนะนำสำหรับหนุ่มๆ สาวๆ ออฟฟิศที่ทำงานหนังไม่มีเวลาดูแลตัวเอง

 

1. ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม


ปรับเปลี่ยนการการใช้ชีวิต

อย่างที่บอกไป สังคมทุกวันนี้เต็มไปด้วยความเร่งรีบ ส่งผลให้พฤติกรรมการด้านการใช้ชีวิตส่วนตัว และการทำงานเปลี่ยนไป อย่างแรก คือเริ่มจากการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิต ดั้งนั้นควรเปลี่ยนแปลงตัวเอง เรียงลำดับความสำคัญของการใช้ชีวิตใหม่ วางแผนแบ่งเวลาให้กับตัวเอง และครอบครัวมากขึ้น หากิจกรรมทำในวันหยุด เพื่อผ่อนคลายลดความตึงเครียดให้น้อยลง

ปรับเปลี่ยนการทำงาน

การทำงานในออฟฟิศ จะใช้เวลาส่วนใหญ่อยูหน้าจอคอมพิวเตอร์ นั่งอยูอยู่กับเป็นเวลานาน รับประทานอาหารไม่ตรงเวลา ชอบเอางานกับไปทำที่บ้าน พฤติกรรมเหล่านี้ควรต้องเปลี่ยนแปลง ด้วยการพักสายตาจากหน้าจอคอมพิวเตอร์ทุกๆ 10-15  นาที กระพริบตาบ่อยๆเพื่อฟื้นฟูและให้น้ำหล่อเลี้ยงตา รุกออกจากที่ยืดเส้นยืดสายเพื้อคลายกล้ามเนื้อบ้าง ส่วนผู้ที่ชอบรับประทานอาหารจำพวกขนม เครื่องดื่มที่มีรสหวานจัดๆ ระหว่างทำงาน อาหารเหล่านี้ควรหลีกเลี่ยง เพราะเต็มไปด้วยโซเดียมและน้ำตาล หรือหากชอบกินจริงๆก็ทานให้น้อยลงและพยายามเลิกให้ได้

2 .เลือกรับประทานอาหารที่ดีมีประโยชน์

ด้วยชีวิตการทำงานในแต่ละวัน เต็มไปด้วยความเร่งรีบและวุ่นวาย ทำให้หลายๆคนเลือกรับประทานอาหารที่หาได้ง่ายสะดวก อย่างเช่นข้าวเหนียวหมูปิ้ง ข้าวเหนียวหมูทอด ไหนจะกาแฟ ชานมไข่มุก ปัญญาที่ตามมาคือ โรคอ้วน เพราะอาหารเหล่านี้เต็มไปด้วยไขมัน และน้ำตาลสูง ที่ส่งผลเสียต่อร่างกาย ดั้งนั้นอาหารเหล่านี้ควรหลีกเลี่ยง

หันมาเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ควรเน้นการรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ เน้นหมวดโปรตีนและคาร์โบไฮเดรต อย่างเช่น อกไก่ เนื้อปลา มีโปรตีนสูงและมีไขมันข่อนข้างต่ำ หรือกลุ่มคาร์โบไฮเดรต อย่างเช่นจำพวก มันฝรั่ง ข้าวโอ๊ต ข้าวกล้อง ข้าวโพด ขนมปังโฮลวีต เป็นต้น

ผักและผลไม้สด รับประทานเพื่อให้ร่างกายได้รับเกลือแร่และวิตามินได้เพียงพอต่อวัน ซึ่งผักและผลไม้สด นั้นมีไฟเบอร์ หรือใยอาหาร ที่ช่วยให้รู้สึกอิ่ม และช่วยในการขับถ่ายของเสียออกจากร่างกายได้ง่ายขึ้น อย่างเช่น เบอร์รี่ กล้วยหอม มะละกอ ส้ม กะหล่ำปลี บล็อคโคลี ผักโขม เป็นต้น เป็นอาหารที่ให้พลังงานต่ำ เหมาะต่อคนลดน้ำหนัก

และอย่าลืมดื่มน้ำสะอาดอย่างน้อยวันละ 8-10 แก้วต่อวัน เพราะน้ำจะช่วยเพิ่มออกซิเจนในเลือด และยังช่วยลำเลียงสารอาหารและออกซิเจนไปเลี้ยงส่วนต่างๆของเซลล์ในร่างกาย นอกจากนี้ยังช่วยให้ร่างกายมีความชุ่มชื้น ยิ่งคนที่กินกาแฟเป็นประจำยิ่งต้องดื่มน้ำเยอะๆ เพราะกาแฟจะขับน้ำออกร่างกาย

หากมีเวลาน้อย เร่งรีบ

มื้อเช้า

มื้อเช้าเป็นอาหารมื้อแรกของวันและเป็นมื้อที่สำคัญ เพราะเป็นมื้อที่ร่างกายและสมองต้องการพลังงานในการคิดวิเคราะห์ มื้อเช้าจะให้ดีจะต้องเป็นอาหารที่ให้โปรตีนและคาร์โบไฮเดรตสูง อย่างเช่น โจ๊กหมูกับไข่ลวก อกไก่พริกไทยดำ แซนวิชโฮลวีตทูน่า หรือโยเกิร์ตไขมัน 0% ไข่ต้ม ซึ่งหาซื้อได้ง่ายตามร้านสะดวกซื้อ รับประทานพร้อมกล้วยหอมซักลูก ส่วนเครื่องดื่มอาจเลือกเป็นน้ำเต้าหู้น้ำตาลน้อย หรือนมประเภทไขมันต่ำ หลีกเลี่ยงเคลื่องดื่มประเภทที่มีรสหวานจัดๆ สำหรับคนที่ดื่มกาแฟ เปลี่ยนมาเป็นดื่มกาแฟดำไม่ไส่น้ำตาล ควรดื่มให้พอเหมาะไม่เกินวันละ 2 แก้ว

มื้อกลางวัน

มื้อกลางวันถือเป็นมื้อใหญ่สามารถเลือกทานได้เยอะกว่ามื้อเช้า อาหารมื้อกลางวันควรเลือกอาหารที่รับประทานแล้วอิ่มนาน เพราาะว่าร่างกายต้องใช้พลังงานอย่างมากในการทำงานตลอดวัน อย่างเช่น ก้วยเตี๋ยวเส้นเล็กแห้ง ยำวุ้นเส้น ข้าวผัดสับปะรด ต้มเลือดหมู ผัดผักรวม หรือส้มตำ เป็นต้น เมนูเหล่านี้หาทานได้ง่าย มีร้านให้บริการมากมาย และมีทั้งแบบ Delivery Service

มื้อเย็น

อาหารมื้อเย็นควรเลือกเป็นอาหารเบาๆ ย่อยง่ายไม่หนักท้อง มีโปรตีน มีคาร์โบไฮเดรตบ้าง เช่น ปลาเผา หรือปลานึ่ง หรือจำพวกผักและผลไม้สดที่มีใยอาหารสูงจำพวก แอปเปิ้ล อะโวคาโด เมนูสลัดผักทูน่า หรือสลัดโรล เป็นต้น ควรหลีกเลี่ยงการทานอาหารที่มีความเป็นกรด เพราะอาจทำให้กรดไหลย้อนได้ ทานให้พอดีไม่มากเกินไป เพราะในมื้อเย็นร่างกายเราไม่จำเป็นต้องใช้พลังงาน ควรรับประทานก่อน 1 ทุ่ม หรือก่อนเข้านอน 3-4 ชั่วโมง

3.ออกกำลังกาย

อีกหนึ่งสิ่งสำคัญที่จะสามารถช่วยให้คุณมีสุขภาพที่แข็งแรง ก็คือการออกกำลังกาย ซึ่งการออกกำลังกายนอกจากจะช่วยเสริมสร้างสุขภาพร่างกายให้แข็งแรงแล้ว ยังเป็นการสร้างภูมิคุ้มกันให้ร่างกาย ลดความเสี่ยงของการเกิดโรคต่าง ๆอีกด้วย ปัจุบันมีรูปแบบ และเทคนิคการออกกำงกายมากมาย

แบบคาร์ดิโอ (Cardio)

แบบคาร์ดิโอ (Cardio) เป็นการออกกำลังกายอีกรูปแบบหนึ่งที่เสริมสุขภาพให้แข็งแรง และยังช่วยเบิร์นไขมันได้เป็นอย่างดี โดยเป็นการออกกำลังกายที่ไม่เน้นการใช้พลังจากกล้ามเนื้อ เน้นไปที่การเครื่อนไหวของร่างกาย เช่น การเต้นแอโรบิก การวิ่ง ปั่นจักรยาน ว่ายน้ำ เป็นต้น จะให้ดีควรออกกำลังครั้งละประมาณ 30–60 นาที ในการออกกำลังกาย อย่างน้อย 2–3 ครั้งต่อสัปดาห์

บอดี้เวท (Body Weight)

สำหรับผู้ที่ไม่สามารถเข้าถึงอุปกรณ์ฟิตเนส ไม่สะดวกเข้ายิม ไม่มีเวลา อาจเลือกเป็นการออกกำลังกายแบบบอดี้เวท (Body Weight) เป็นการออกกำลังกายที่ได้รับความนิยมมาก เพราะไม่จำเป็นต้องใช้อุปกรณ์มากมาย สามารถออกกำลังกายได้ในสถานที่ซึ่งมีเนื้อที่จำกัด ซึ่งใช้เวลาวันละ 8-10 นาที ก็ช่วยให้สุขภาพแข็งแรง และร่างกายได้สัดส่วนชัดขึ้นอีกด้วย

 

4.พักผ่อนให้เพียงพอ


ภายใน 1 วัน ร่างกายต้องใช้พลังงานเกิดความเหนื่อยล้าสะสมความเครียดไปกับการทำงาน หรือกิจวัตรต่างๆ ดังนั้นร่างกายต้องได้รับการพักผ่อน หากพักผ่อนน้อยจะยอมส่งผลเสียต่อสุขภาพ เสี่ยงต่อโรคภัยต่าง ๆ ดังนั้นสุขภาพคนเราจะดีได้ คือการพักผ่อน ซึ่งมีความสำคัญพอๆกับการรับประทานอาหาร การผักผ่อนที่ดีที่สุด คือการนอนหลับ หากร่างกายเราได้รับการนอนหลับเพียงพอ ยอมส่งผลให้ร่างกายมีพลังได้รับการฟื้นฟู ช่วยลดความเครียด ทำให้ระบบการย่อยอาหารเป็นปกติ และระบบต่างๆ ของร่างกายทำงานได้อย่างเป็นปกติ ตื่นเช้ามาพร้อมความสดชื่น

ดังนั้นในหนึ่งวันเราควรต้องนอนหลับให้เพียงพอไม่น้อยกว่า 7- 8 ชั่วโมง ควรเข้านอนไม่เกิน 4-5 ทุ่ม เพราะหากนอนดึกเกินไป ร่างกายอาจเหนื่อยล้า ส่งผลเสียตามมา เช่นริ้วรอย ผิวพรรณหมองคล้ำไม่สดใส

อีกอย่างคือก่อนเข้านอน ควรงดดื่มเครื่องดื่มที่มีสารคาเฟอีน เช่นกาแฟ น้ำอัดลม เครื่องดื่มบำรุงกำลัง เพราะสารคาเฟอีนจะทำให้หลับยากขึ้น แนะนำดื่มเป็นน้ำเปล่าแทน น้ำเปล่าเป็นน้ำบริสุทธิ์ปราศจากการปรุ่งแต่งจึงมีประโยชน์และปลอดภัยที่สุดต่อร่างกายของเรา

และนี้คือ 4 เคล็ดลับดูแลสุขภาพง่ายๆที่สามารถช่วยให้คุณมีสุขภาพที่แข็งแรง  ทำให้การทำงานกับชีวิตส่วนตัวเกิดความสมดุจ ใชชีวิตมีอย่างมีความสุข อีกทั้งยังปลอดภัยจากโรคภัยต่างๆอีกด้วย

 

 

ขอขอบคุณ

ภาพ: pixabay.com and pexels.com

รับข้อมูล ข่าวสารเกี่ยวกับสุขภาพจากเราก่อนใครพร้อมโปรโมชั่น ส่วนลด กิจกรรมต่างๆ กรอกอีเมลเลย
เว็บไซต์นี้มีการใช้คุกกี้เพื่อการปรับปรุงการใช้บริการออนไลน์ของท่าน โดยเราจะใช้คุกกี้เมื่อท่านเข้ามาหน้าเว็บไซต์. ดูรายละเอียด